ปัจจัยการเลือกซื้อประกันสุขภาพเหมาจ่าย ให้คุ้มครองครอบคลุม

โดยปกติพนักงานบริษัทมักมีสวัสดิการประกันกลุ่มและประกันสังคมที่คุ้มครองทั้งด้านสุขภาพและอุบัติเหตุอยู่แล้ว แต่สิ่งที่ควรระวังก็คือ วงเงินความคุ้มครองที่อาจไม่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายการรักษาพยาบาลได้อย่างเพียงพอ หากเจ็บป่วยโรคร้ายแรงยอดฮิตด้วยแล้ว อาจต้องรักษาตัวนาน ค่ารักษาก็ยิ่งสูงตาม แม้เราจะมีสวัสดิการจากบริษัทอยู่ แต่อาจไม่ cover ค่ารักพยาบาลทั้งหมดจนไปกระทบกับเงินส่วนอื่นได้ หากไม่อยากให้ชีวิตสะดุดเพราะเรื่องสุขภาพ เราควรเริ่มวางแผนการเงินให้รอบคอบและครอบคลุมค่ารักษาในเวลาเดียวกันด้วยการซื้อประกันสุขภาพเอาไว้…ไม่ว่าสถานการณ์ไหนก็อุ่นใจยิ่งกว่า

หลายคนอาจคิดว่ายังไม่ถึงเวลาที่จะซื้อประกันสุขภาพเอาไว้ แต่จริงๆ แล้วเราสามารถเจ็บป่วยได้ไม่ว่าจะอายุเท่าไรก็ตาม ประกันสุขภาพจึงเป็นตัวช่วยที่ดีในการบริหารทั้งเรื่องการเงินและสุขภาพของเราในตัวเดียว ซึ่งการจะเลือกซื้อประกันสุขภาพสักเล่ม เราควรคำนึงถึงปัจจัยสำคัญ ดังต่อไปนี้

เบี้ยประกัน คือ เงินที่เราจ่ายให้บริษัทประกันเพื่อซื้อความคุ้มครอง โดยค่าเบี้ยจะเปลี่ยนไปตามความเสี่ยงในแต่ละช่วงอายุของผู้ซื้อ เพศ สุขภาพ อาชีพ การดำเนินชีวิต และจำนวนผู้เอาประกันภัย (กรณีประกันภัยกลุ่ม) โดยค่าเบี้ยประกันสุขภาพที่เหมาะสม ควรจ่ายไม่เกิน 10-15% ของรายได้รวมทั้งปี
วงเงินคุ้มครอง ควรเลือกซื้อประกันสุขภาพมีเงินคุ้มครองสูงจนไม่ต้องเสียเงินอีก เพราะหากค่ารักษาพยาบาลที่เกิดขึ้นจริงมากกว่าเงินคุ้มครอง เราก็ต้องจ่ายส่วนต่าง การเงินมีสะดุดแน่นอน
ความเสี่ยง จำเป็นต้องประเมินความเสี่ยงในเรื่องของสุขภาพส่วนตัว กรรมพันธุ์ หรือโรคประจำตัว เนื่องจากประกันเเต่ละบริษัทครอบคลุมไม่เหมือนกัน หากรู้เราว่ามีความเสี่ยงเป็นโรคใด ก็ซื้อประกันสุขภาพที่ครอบคลุมโรคนั้นเอาไว้ด้วย
การคุ้มครอง ควรเลือกประกันสุขภาพเหมาจ่าย ที่คุ้มครองทั้งผู้ป่วยใน (IPD) ที่รักษาที่โรงพยาบาล (อย่างน้อย 6 ชั่วโมง) ผู้ป่วยนอกที่ไม่ได้นอนพักฟื้นในโรงพยาบาล (OPD) และควรเลือกความคุ้มครองสุขภาพแบบเหมาจ่ายไม่จำกัดค่ารักษาพยาบาลต่อรายการ ซึ่งจะครอบคลุมค่ารักษาตั้งเเต่ป่วยเล็กน้อยจนถึงโรคร้ายเเรงอีกด้วย
กระเเสเงินสดของตนเอง เงินค่าเบี้ยประกันที่ต้องจ่ายทุกเดือน/ปี ควรเป็นเงินอีกส่วนที่ไม่กระทบค่าใช้จ่ายหลัก
โรงพยาบาลที่รักษาได้ ควรเลือกประกันสุขภาพที่มีโรงพยาบาลในเครือข่ายหลากหลาย จะได้ครอบคลุมความเสี่ยงด้านสุขภาพทุกพื้นที่

ประกันสุขภาพเหมาจ่าย คุ้มครองสุขภาพ คุ้มค่าเรื่องลดหย่อนภาษี

การซื้อประกันสุขภาพนอกจากจะคุ้มครองสุขภาพจากการเจ็บป่วยและอุบัติเหตุแล้ว ยังช่วยดูแลสุขภาพการเงินของเราอีกด้วย เพราะสามารถนำไปใช้ลดหย่อนภาษีตอนปลายปีได้ โดยมีเกณฑ์การลดหย่อนภาษี ดังนี้

ประกันสุขภาพแบบชดเชยรายได้รายวัน กรณีนอนโรงพยาบาล ไม่สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้
ประกันโควิด สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้ตามเงื่อนไข
ประกันสุขภาพประเภท UDR (Unit Deducting Rider) ที่ต้องซื้อพ่วงกับประกันชีวิตแบบ Unit-Linked สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้เฉพาะส่วนที่เป็นค่าธรรมเนียมเพื่อความคุ้มครองสุขภาพเท่านั้น
ลดหย่อนภาษีได้สูงสุดไม่เกิน 25,000 บาท เมื่อรวมกับเบี้ยประกันชีวิตแล้ว สามารถนำมาลดหย่อนรวมกันได้ไม่เกิน 100,000 บาท
สำหรับใครที่พ่อแม่มีรายได้ทั้งปีไม่เกิน 30,000 บาท สามารถซื้อประกันสุขภาพให้พ่อแม่และนำมาลดหย่อนภาษีได้รวมกันไม่เกิน 15,000 บาท (ไม่ต้องพิจารณาอายุของพ่อแม่) และถ้ามีพี่น้องก็สามารถนำเบี้ยประกันสุขภาพพ่อแม่มาหารแบ่งกันเพื่อยื่นลดหย่อนภาษีของแต่ละคนได้เช่นกัน